Avatar: The Way of Water กำกับโดยเจมส์ คาเมรอน และเข้าฉายในปี 2022 ซึ่งเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลเรื่อง Avatar (2009)

เรื่องราวเกิดขึ้นกว่าสิบปีหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องแรก เจค ซัลลี (แซม เวิร์ธทิงตัน) และเนย์ติรี (โซอี ซัลดานา) เป็นพ่อแม่แล้ว ผู้นำเผ่าโอมาติกายา

ชีวิตอันงดงามของพวกเขาถูกคุกคามจากการกลับมาของมนุษย์เหมืองที่รู้จักกันในชื่อ Resources Development Administration (RDA) เจคและเนย์ติรีต้องขอลี้ภัยกับเผ่าเมทเคยีนา ซึ่งอาศัยอยู่อย่างกลมกลืนกับมหาสมุทรของแพนดอร่า

ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจประเด็นเรื่องครอบครัว ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

รูปภาพ

Avatar: The Way of Water นำเสนอภาพที่ตระการตา ผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยี CGI ไปอีกขั้น

โลกใต้น้ำของแพนดอร่านั้นสวยงามตระการตา ด้วยสัตว์ต่างๆ ที่เรืองแสงชีวภาพและแนวปะการังที่มีชีวิตชีวา ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำเสนอลำดับภาพทางอากาศที่น่าทึ่งและฉากแอ็กชันที่เต็มไปด้วยแอ็กชัน

Avatar: The Way of Water ได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ บางคนยกย่องภาพและลำดับแอ็กชันของภาพยนตร์ ในขณะที่บางคนวิจารณ์พล็อตเรื่องและขาดความคิดริเริ่ม

แม้จะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศ grossing กว่า 2 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาว 3 ชั่วโมง 12 นาที ทำให้เป็นภาพยนตร์ที่ยาวที่สุดที่เจมส์ คาเมรอนเคยกำกับ

มีแผนจะสร้างภาคต่ออีกหลายภาค โดยมี Avatar 3 กำหนดฉายในเดือนธันวาคม 2024

Avatar: The Way of Water เป็นภาพยนตร์ที่คุ้มค่าที่จะดูหากคุณเป็นแฟนของภาพยนตร์เรื่องแรกหรือเพียงแค่เพลิดเพลินกับภาพที่ตระการตาและเรื่องราวไซไฟที่ยิ่งใหญ่

นับตั้งแต่ ‘Avatar’ (2009) หรืออวตารภาคแรกออกฉายเมื่อ 13 ปีที่แล้ว สิ่งนี้ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ามันทำให้ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กำกับ เจ้าของโครงเรื่อง ผู้เขียนบท กลายเป็นตัวพ่อผู้มีอิทธิพลในการผลักดันหนังสามมิติอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนจริง ๆ และผลจากการทำงานอย่างยาวนานตลอด 13 ปี ผลที่ได้ก็คือหนังภาคต่อ ที่ว่าด้วยเรื่องของโลกใต้น้ำของดาวแพนดอรา (Pandora) มาตุภูมิของชาวนาวี ใน ‘Avatar: The Way of Water’ ‘อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ’ เรื่องนี้นี่แหละครับ

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

ตัวเรื่องราวใน ‘The Way of Water’ จะห่างจากภาคแรก 10 ปีครับ เจค ซัลลี (Sam Worthington) อดีตนาวิกโยธินในร่างชาวนาวี ณ ตอนนี้กลายเป็นพ่อคนแล้ว เพราะหลังจากที่เธอรักกับ เนย์ทีรี (Zoe Saldana) ทั้งสองคนก็มีลูกด้วยกัน ทั้งลูกจริง ๆ อย่าง นาทายัม (Jamie Flatters) พี่ชายคนโต, โลอัค (Britain Dalton) น้องชายคนเล็ก, ตุกทีรี (Trinity Jo-Li Bliss) น้องสาวคนสุดท้อง รวมทั้งลูกบุญธรรมครึ่งคนครึ่งอวตารอย่าง คิริ (Sigourney Weaver) และ สไปเดอร์ (Jack Champion) เด็กมนุษย์แปลกแยกผู้ใช้ชีวิตเยี่ยงชาวนาวี ความแค้นจากภาคแรก ทำให้ซัลลีและเนย์ทีรีตกเป็นเป้าของ พันเอกไมล์ ควอริตช์ (Stephen Lang) ที่เคยโดนธนูของเนย์ทีรี ซัดม่องเท่งคาหุ่นยนต์ไปในภาคที่แล้ว (ไม่บอกหรอกนะครับว่ากลับมายังไง)

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

เป้าหมายของหน่วยงาน RDA (Resource Development Administration) เปลี่ยนจุดประสงค์จากการขุดหาแร่ ไปสู่การหาพื้นที่เพื่อให้มนุษย์ตั้งรกรากอาศัย ทำให้การรุกรานพื้นที่ของชาวนาวีบนดาวแพนโดรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น พวกเขาก็เลยจำต้องย้ายอพยพไปอยู่ในดินแดนแห่งสายน้ำร่วมกับชนเผ่าทะเลที่เรียกว่า เม็ตคายีนา (Metkayina) ณ ที่นั้น โตโนวารี (Cliff Curtis) หัวหน้าเผ่า, โรนัล (Kate Winslet), ศิเรยา (Bailey Bass) และ อาวนุง (Filip Geljo) จึงต้องสอนครอบครัว ของซัลลีให้อยู่กับวิถีแห่งสายน้ำให้ได้ พร้อมกับต้องรับมือกับภัยคุกคามที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

สิ่งที่ต้องชื่นชมอย่างแน่ ๆ แบบที่ไม่ต้องเดาอะไรให้วุ่นวายก็คงหนีไม่พ้นวิสัยทัศน์ของ เจมส์ คาเมรอน นั่นแหละครับ เพราะว่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การผลักดันเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพสามมิติในภาคนี้นั้นไปไกลกว่าภาคแรก และไกลกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ไปไกลมาก โดยเฉพาะงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่เรียกว่าหาจุดโป๊ะได้ยากจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่เหมือนจริง แต่มันสมจริงสุด ๆ ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ผืนน้ำ สัตว์ใต้น้ำ ปะการัง พืชทะเล ที่สวยตื่นตาตั้งแต่ช็อตแรกจนถึงช็อตสุดท้าย ทั้งการทำ Motion Capture ใต้น้ำที่ทำให้ชาวนาวีสามารถดำดิ่งในน้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติและพลิ้วไหวอย่างกับไปถ่ายทำในทะเลจริง ๆ อย่างไรอย่างนั้น

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

รวมทั้งการถ่ายทำด้วยเทคโนโลยี High Frame Rate (HFR) ที่ในหนังจะใช้เฟรมเรต 2 แบบสลับกันไปนะครับ คือในฉากที่แอ็กทีฟเยอะ ๆ อย่างเช่นฉากแอ็กชัน ฉากบิน ฉากวิ่ง ก็จะใช้ Frame Rate ที่ 48 เฟรมต่อวินาที ส่วนฉากอื่น ๆ ก็จะกลับมาใช้ 24 เฟรมตามปกติ เพื่อให้ยังคงอารมณ์ความเป็น Cinematic ของหนัง ซึ่งอาจจะทำให้ความลื่นของภาพดูไม่สม่ำเสมอบ้าง แต่ในแง่ฟังก์ชันก็ถือว่าได้ผลและไม่ได้ถือว่าน่ารำคาญตารำคาญใจอะไร ยิ่งถ้าดูในระบบสามมิติจะยิ่งเห็นความแตกต่างเลยครับว่ามันไม่ใช่แค่ภาพเด้งป๊อปอัปเฉย ๆ แต่มันมีความลึก ความโค้งนูน ความคม สีสันที่สมจริงซะจนบางทีผู้เขียนยังแอบสะดุ้ง โดยเฉพาะซีนที่เป็น 48 เฟรมนี่คือลื่นหูตาแตกไปเลย

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

และเทคโนโลยี HDR (High Dynamic Range) ที่ช่วยให้ขอบเขตสีและคอนทราสต์ แสงและเงาที่คมชัดลึกยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถ้าเทียบกับระบบสามมิติในภาคแรก จะเห็นเลยว่ามันแตกต่างจากภาคแรกเยอะมาก รวมทั้งงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่จะนับว่าเป็นที่สุดของวงการหนังโลกไปเลยก็ได้ เพราะนอกจากจะสวยงาม และมีความครีเอทีฟในการออกแบบทั้งพาร์ตธรรมชาติ ระบบนิเวศใต้ทะเล สัตว์น้ำ หรือแม้แต่พาร์ตเทคโนโลยีของ RDA ก็ตาม จะบอกว่าคาเมรอนได้เนรมิตโลกใบใหม่ขึ้นมาอันนี้ก็ถือว่าไม่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะมันไม่ใช่แค่สวย ไม่ลอยเฉย ๆ แต่มันสมจริงและเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ชวนให้ตื่นตา ชนิดที่บรรดาหนังซูเปอร์ฮีโรยุคนี้ควรศึกษางานอย่างเร่งด่วน

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

วิสัยทัศน์อีกอย่างของลุงคาเมรอนก็คือเรื่องของบทครับ ในขณะที่ภาคแรกนั้นมีความเป็นการเมื้องการเมือง ด้วยเรื่องเล่าในประเด็นเกี่ยวกับการล่าอาณานิคม การแย่งชิงทรัพยากร การสู้รบกับชนพื้นเมือง ฯลฯ แต่ในภาคนี้ ด้วยความที่เรารู้จักชาวนาวีมาตั้งแต่แรก ตัวหนังก็เลยเปิดเรื่องเร็ว ๆ และหันไปโฟกัสที่ครอบครัวของซัลลีและเนย์ทีรีแทน โทนของตัวหนังก็เลยมีความเป็นหนังครอบครัว กึ่ง ๆ หนังชีวิตวัยรุ่นว้าวุ่นของเหล่าบรรดาลูก ๆ ที่ต่างก็มีปมปัญหาแตกต่างกันไป จากการที่มีทั้งลูกครึ่งอวตารแท้ ๆ ลูกครึ่งอวตารไม่แท้ ไหนจะลูกมนุษย์แท้ ๆ ที่อยากเป็นชาวนาวีอีก จนพวกเขาเองต้องมาอยู่อาศัยตามวิถีแห่งสายน้ำ รวมทั้งต้องร่วมต่อสู้กับหน่วย RDA ที่คราวนี้ดูจะมุ่งหมายไปที่ครอบครัวซัลลีเป็นพิเศษ ที่ตัวหนังสามารถเล่าออกมาได้อินและทัชใจมากยิ่งขึ้น เสมือนว่าเราเองก็รู้สึก “I See You.” ไปกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

แนวทางเรื่องราวของตัวหนังในภาคนี้ ก็ยังคงยึดแนวทางจากภาคแรกครับ นั่นก็คือการวางตามแบบฉบับหนังบล็อกบัสเตอร์ดี ๆ เรื่องหนึ่ง ที่มีครบทุกอารมณ์ ทั้งความน่ารัก ความตื่นตาตี่นใจ มีอารมณ์ขันแทรกเล็ก ๆ มีจังหวะเขย่าขวัญหน่อย ๆ มีประเด็นดราม่าขัดแย้งครอบครัว สังคม อุดมการณ์ และปิดจบที่งานแอ็กชันสุดมันที่ใส่มาจัดเต็มแบบยาว ๆ ทั้งหมดนี้ห่อหุ้มด้วยเนื้อเรื่องและพล็อตแนวหนังครอบครัว ที่ห่อหุ้มอยู่ในแพ็กเกจหนังไซไฟแฟนตาซีอีกที โดยเฉพาะการโฟกัสไปที่ดราม่าครอบครัวที่มาครบเลย ทั้งความรู้สึกแปลกแยก ความรู้สึกรักลูกไม่เท่ากัน การเอาลูกเขามาเลี้ยงเหมือนเอาเมี่ยงเขามาอม การเป็นคนแปลกหน้าในที่แปลกถิ่น มุมมองความรักของพ่อแม่และลูกที่แตกต่างกัน แต่ล้วนแล้วทำไปด้วยเจตนาห่วงใย ฯลฯ ทำให้หนังในภาคนี้ก็ยังคงมีเนื้อเรื่องที่ไม่ซับซ้อน และเอาจริง ๆ ก็พอจะเดาเนื้อเรื่องออกได้แบบง่าย ๆ เลย แต่มันก็มีประโยชน์ในแง่ของการให้ความบันเทิงแบบครบรส ดูได้ทั้งครอบครัวที่ไม่จำเป็นต้องห่อหุ้มด้วยพล็อตไฮคอนเซปต์จัด ๆ หรือหักมุมพลิกหลายตลบ

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

แต่แม้ว่ามันจะเป็นหนังที่บันเทิงจ๋า ๆ แค่ไหน แต่จริง ๆ ก็ยังมีจุดที่เนือย ๆ อยู่ ด้วยความยาวมากกว่า 3 ชั่วโมง 12 นาที ส่วนตัวผู้เขียนเองยอมรับว่าเกิดอาการเหมือนหลุดจากหนังไปชั่วครู่ใหญ่ ๆ เลยครับ โดยเฉพาะตอนที่หนังโชว์ฉากใหญ่ ๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนว่ากำลังดูสัตว์น้ำในอะควาเรียม และบางช่วงก็ดูคล้ายกับช็อตในสารคดีสัตว์ทะเลอยู่เหมือนกัน ถ้าเอาแง่ดีก็คือ มันเหมือนจริงขั้นสุดแบบ Hyper-Realistic คือเหมือนจริงจนกลายเป็นของจริงไปแล้ว แต่พอมันเป็นหนัง ก็ถือว่ากราฟความสนุกเกิดอาการตกท้องช้างอยู่พอสมควรเหมือนกันนะ ยังดีที่งานภาพที่สวยเนียนเพลินตายังพอช่วยให้ไม่รู้สึกเนือยเบื่อจนชวนให้ทอดถอนใจ และส่วนตัวผู้เขียนแอบเสียดายนิด ๆ ที่ได้เห็นพิธีกรรมหรือ Know-How ของชาวเผ่าในแบบที่เคยได้เห็นในภาคแรกน้อยไปสักนิด ทั้งที่มีเวลาเหลือเฟือขนาดนั้น

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

อีกอย่างที่ต้องไม่ลืมก็คือ ‘Avatar’ มันไม่ใช่หนังเดี่ยว แต่มันเป็นแฟรนไชส์หนัง 5 ภาคนะครับ แม้ว่าหนังภาคนี้จะสอบผ่านในแง่บันเทิง แต่ถ้ามองโดยรวม ๆ ก็จะพบว่า ทั้งสองภาคนั้นมีแนวทางและแกนเรื่องที่คล้ายกันมาก ๆ เลย ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่ได้เป็นแก่นเรื่องและ Conflict ที่ใหม่สำหรับยุคนี้แล้วซะด้วย มันเป็นพล็อตที่ได้แรงบันดาลใจจากสื่ออื่น ๆ ของฮอลลีวูดที่มีมาก่อนแล้วทั้งนั้น ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่า คาเมรอนเองก็กำลังดูกระแสภาคนี้อยู่ เพราะถ้าหากรายได้ไม่ถึงเป้า ลุงแกก็เตรียมทำหมันแฟรนไชส์ไว้ที่ 3 ภาคถ้วน ซึ่งในความคิดของผู้เขียนจริง ๆ มันก็สามารถมีโอกาสไปถึงภาค 5 ได้ล่ะนะครับ โดยเฉพาะงานด้านโปรดักชันที่ผู้เขียนเชื่อว่ายังพอจะมีช่องให้ดันมาตรฐานขึ้นไปได้อีก

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

และเนื้อเรื่องของดาวแพนดอรา ที่จริง ๆ แล้วก็กลายเป็นจักรวาลย่อย ๆ ไปแล้วล่ะ สามารถต่อยอดและหยิบประเด็นเอามาเล่นและเสนอได้อีกเยอะมาก แต่ถ้าคาเมรอนเองยังยืนยันแนวทางตามพล็อตย่อยง่ายทำนองนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็อาจจะมีความเสี่ยงที่อาจจะไปไม่ถึงฝันได้อยู่เหมือนกัน แต่ผู้เขียนเองก็เชื่อลึก ๆ ว่าคาเมรอนคงไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ๆ แต่จะไปถึง 5 ภาคได้จริงตามฝันไว้ไหม คงต้องให้คนดูตัดสินกันที่ภาคนี้ล่ะครับว่า พล็อตบันเทิงจ๋า ๆ กับงานภาพสามมิติสุดอลังการ จะยังคงมีมนต์เสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดคนให้ยอมเสียเงินค่าตั๋วแพง ๆ เดินทางไปดูหนังในโรง (แทนที่จะรอดูผ่านสตรีมมิงที่บ้าน) ได้มากแค่ไหน และจะสร้างปาฏิหาริย์หนึ่งในล้านแบบที่ภาคแรกทำได้อีกครั้งหรือไม่

Avatar The Way of Water อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

อย่างไรก็ตาม ‘Avatar: The Way of Water’ ก็เป็นหนังที่ผู้เขียนนั่งยันนอนยันว่า ยังไงก็ต้องไปดูในโรงนะครับ โอเค มันอาจเป็นหนังพล็อตง่าย ๆ ที่ไม่ได้ซับซ้อนจนต้องร้องโอ้โห แต่ยังไงมันก็เป็นหนังที่สนุกและให้ความบันเทิงได้ครบตามแบบฉบับคาเมรอนจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็เป็นเหมือนกึ่ง ๆ บทพิสูจน์ด้วยว่าคาเมรอนคือเจ้าพ่อหน้งภาคต่อจริง ๆ มันเป็น 13 ปีที่ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการ และวิวัฒนาการของงานด้านภาพและโปรดักชันที่ให้ความบันเทิงได้เหนือขึ้นไปอีกขั้นจริง ๆ ยิ่งถ้าดูในระบบ IMAX3D ที่ฉายผ่านเครื่อง IMAX with Laser จะยิ่งให้ประสบการณ์การดูหนังที่เติมเต็มสุด ๆ เป็นประสบการณ์ภาพยนตร์แห่งปีที่ต่อให้รอดูสตรีมมิงที่บ้านได้ แต่ถ้าพลาดไปก็น่าเสียดายอยู่นะ

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *